Home » เครื่อง เติม อากาศ บํา บัด น้ํา เสีย ราคา เท่าไหร่ ?

เครื่อง เติม อากาศ บํา บัด น้ํา เสีย ราคา เท่าไหร่ ?

สารบัญ

ขนาดของเครื่องเติมอากาศบำบัดน้ำเสียที่เหมาะสมสำหรับระบบบำบัดน้ำเสียนั้นมีความสำคัญมากครับ เพราะจะช่วยให้ระบบบำบัดน้ำเสียทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานอีกด้วยครับ หากเครื่องเติมอากาศ ขนาดเล็กเกินไป จะไม่สามารถบำบัดน้ำเสียได้ตามค่ามาตรฐาน หรือ กฎหมาย ครับ แต่หาก เครื่องเติมอากาศใหญ่มากเกินไป จะทำให้เปลืองพลังงานโดยใช่เหตุครับผม

หากคุณลูกค้าต้องการทราบว่าเครื่องเติมอากาศในระบบบำบัดน้ำเสีย นั้นราคาเท่าไหร่ ? คุณลูกค้าต้องทราบข้อมูลอย่างน้อย 3 ข้อมูลนี้ครับ

  1. ปริมาณ ออกซิเจน O2 แล้วแปลงเป็น ปริมาณลม Air ที่ต้องการ ( ลบ.ม /. นาที )
  2. ใช้กับความสูงของน้ำเสีย ในถังเติมอากาศ กี่เมตรน้ำ ?
  3. สภาพอากาศ พื้นที่ อุณหภูมิ ระดับน้ำทะเล ที่ตั้งของระบบบบำบัดครับ

การเลือกเครื่องเติมอากาศ แนะนำว่าคุณลูกค้าควรปรึกษา วิศวกรสิ่งแวดล้อมเพื่อออกแบบระบบให้ครับ หากคุณลูกค้าทราบรุ่น อยู่แล้วก็สามารถเลือก เครื่องเติมอากาศ บำบัดน้ำเสีย ได้เลยครับ

ราคา เครื่องเติมอากาศ บำบัดน้ำเสีย

ราคาของเครื่องเติมอากาศสำหรับบำบัดน้ำเสียจะแตกต่างกันไปตาม ชนิด ขนาดและประสิทธิภาพของเครื่องเติมอากาศครับ หรือ หากต้องการให้เราเลือกเครื่องเติมอากาศ บำบัดน้ำเสีย ให้ โทรมาได้เลยครับ


ราคาเครื่องเติมอากาศชนิด Roots type Rotary Air Blower ( RB )

ประหยัดสุด !! – เครื่องเติมอากาศ Roots type Rotary Air Blower ระบบทำให้แรงลมคงที่ ปราศจากละอองน้ำมัน รู ท โบ ล เวอร์ ราคา ดี โครงสร้างเรียบง่าย บำรุงรักษาง่าย เป็นที่นิยมสำหรับงาน น้ำเสียมากครับ ใช้เพื่อลดค่าความสกปรกแบบหนัก ครับ เช่น น้ำเสีย จากโรงงานอุตสากรรม โรงพยาบาลใหญ่ๆ อาคารสูง เป็นต้นครับ

รุ่นอัตราการเป่าลม ( m3/min )ที่ความดันอากาศ (เมตร น้ำ)0.5 HP1 HP2HP3HP5 HP7.5 HP10 HP
EVG -RB400.3 – 0.61-634,00036,00040,000
EVG -RB500.6-0.91-645,00048,00051,00053,000
EVG-RB650.9-2.01-651,00053,00056,00059,00061,00065,000
EVG-RB802.0-3.21-668,50070,00072,00075,00077,000
EVG-RB1003.2-5.81-678,00080,00082,50084,500
EVG-RB1255.8-101-6120,000125,000128,000
EVG-RB15013-171-6130,000135,000137,000

ราคาเครื่องเติมอากาศ​ชนิด Turbo Air Blower ( TB )

คุ้มค่าที่สุด ! ประหยัดไฟฟ้ามาก แต่มาพร้อมกับค่าตัวที่แรง แต่ระยะยาวคุ้มมากกกกก ครับ ปกติคืนทุน ส่วนต่าง ถ้าเทียบกับ root blower ไม่เกิน 2 ปี คืนทุนครับ ใช้เพื่อลดค่าความสกปรกแบบมืออาชีพครับ เช่น น้ำเสียจากอุตสาหกรรม น้ำเสียชุมชน

รุ่นPower ( HP / kW)Pressure ( เมตรน้ำ )น้ำหนัก ( kg )ราคา
EVG-TB1010 / 7.54-8390235,000
EVG-TB2020 / 154-8415285,000
EVG-TB3030 / 224-8510325,000
EVG-TB5050 / 374-10540450,000
EVG-TB7575 / 554-12600550,000
EVG-TB100100 / 754-12870675,000
EVG-TB125125 / 904-12870775,000
EVG-TB150150 /1104-12900825,000
EVG-TB200200/1554-12950900,000
EVG-TB250250/1854-1214001,425,000
EVG-TB300300/2254-121480
1,650,000
EVG-TB350350/2504-1215001,750,000
EVG-TB400400/3004-1222001,850,000

ราคาเครื่องเติมอากาศ​ชนิดใต้น้ำ Submersible Air Ejector ( ET )

เป็น ปั๊ม เติม อากาศ บ่อ บํา บัด น้ํา เสีย ราคา ดี ประสิทธิภาพสูง เพราะเป็นการเป่าลมใต้ น้ำทำให้สามารถเพิ่มระยะเวลาของฟองอากาศสำผัสน้ำได้ง่าย ติดตั้งง่าย สะดวกในการเติมอากาศในระบบบำบัดน้ำเสียครับ ใช้เพื่อลดค่าความสกปรกกลางๆ ครับ เช่น น้ำเสีย จากห้องน้ำ อาคาร หอพักขนาดกลาง โรงเรียน เป็นต้นครับ

รุ่นอัตราการเป่าลม ( m3/min )Motor output (kW)ที่ความดันอากาศ ลึกน้ำสูงสุด ( mAq)ราคา ราคารวม Guide rail
EVG-ET 0.75 – 11-180.75326,00030,000
EVG-ET 1.530-421.53.529,00033,000
EVG-ET 2.235-752.2446,00050,000
EVG-ET 3.060-1203.0551,00055,000
EVG-ET 4.086-1705.5662,00066,000

ราคาเครื่องเติมอากาศ ชนิด Air pump ( AP )

น้องเล็กแห่งวงการเติมอากาศ น้ำเสีย ใช้เพื่อลดค่าความสกปรกไม่มากครับ เช่น น้ำเสีย จากห้องน้ำ สำนักงาน หอพัก เป็นต้นครับ หากต้องการทราบรายละเอียด เรื่อง เครื่องเติมอากาศแบบ Linear Air pump อย่างละเอียด กรุณากด Link นี้ได้เลยครับ

รุ่นอัตราการเป่าลม
ลิตร ต่อ นาที
ที่ความดันอากาศ ( บาร์ )กำลังไฟฟ้า ( วัตต์ )ราคา ( บาท )
EVG-AP-60600.2605,000
EVG-AP-80800.2806,500
EVG-AP-1001000.21007,500
EVG-AP-1201200.212510,000
EVG-AP-1501500.215011,500
EVG-AP-2002000.220012,000


ความสำคัญของเครื่องเติมอากาศในการบำบัดน้ำเสีย

เครื่องเติมอากาศถือเป็นอุปกรณ์สำคัญอันดับต้นในการบำบัดน้ำเสียเลยครับ โดยมีหน้าที่ในการเพิ่มออกซิเจน (O2 )ในน้ำเสีย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการย่อยสลายสารอินทรีย์ (BOD, COD,Sulfide, N ) ต่างๆ ในน้ำเสีย โดยช่วยให้จุลินทรีย์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียเติบโตแข็งแรง สามารถทำงาน ( กินอาหาร ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

ซึ่งจะส่งผลให้น้ำเสียได้รับการบำบัดจนมีคุณภาพดีขึ้น จนผ่านมาตรฐาน ผ่านกฎหมาย จนสามารถปล่อยน้ำเสีนยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างถูกต้องครับ

การคำนวณหาปริมาณ ออกซิเจน O2 ที่ต้องการ ( ลบ.ม /. นาที )

ผมลองยกตัวอย่างการคำนวณหาปริมาณออกซิเจนของจุลินทรีย์ที่ต้องการใช้ในการย่อย( กิน ) ลดค่า BOD อย่างเดียวจาก การบำบัดน้ำเสียชนิด Activiated Sludge ดูนะครับ

ผมชอบคิดว่าคือระบบ ” อากาศดีชื่นใจ จุลินทรีย์อ้วนน้ำใส ” เพราะหากอ้วนจะตกตะกอนได้ดี น้ำก็ใสแจ๋วครับ

ทำไมเราต้องเติมอากาศในระบบบำบัดน้ำเสีย ? 

ขอแบ่งการเติมอากาศในระบบบำบัดน้ำเสียเป็น 3 เรื่องครับ 

  1. เพื่อกวนผสมให้น้ำเสียให้แขวนลอย 

เราต้องการเติมอากาศเพื่อการกวนผสม หรือ เขย่าน้ำเสียในการบำบัดช่วงการบำบัดขั้นต้น ( Primary treatment ) เพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกัน และ ไม่เกิดการหมัก และ ช่วยในการกวนผสม ในการบำบัดขั้นสอง ( Secondary treatment ) ให้แบคทีเรีย และ อาหาร แขวนลอยเพื่อเกิดการบำบัดสมบูรณ์ครับ 

การออกแบบการกวนให้สมบูรณ์ใน ถังปรับสเถียร ต้องใช้ทั้ง เครื่องกวนผสม และ การเติมอากาศที่เหมาะสมครับ การเลือกอุปกรณ์ต้องนึงถึง ขนาด และ แรงของการกวนให้สามารถป้องกันการทับถมกันของตะกอนหนัก ( ของแข็งที่จมตัวลง ) 0.004-0.008 kW/ลบ.ม. และ เติมอากาศเพื่อป้องกันกลิ่นและเกิดการหมัก ประมาณ 0.01-0.015 ลบ.ม./ ลบ.ม.- นาที ( ในน้ำเสีย SS ~ 200 มก./ล )  ของปริมาตรการกักเก็บ

เช่นหากมีปริมาตรถังปรับสเถียร 100 ลบ.ม  

มอเตอร์กวนผสมควรออกแบบ

คือ 100 x 0.006 = 0.6 kW 

เครื่องเติมอากาศที่ควรออกแบบ 

คือ 100 x 0.01 = 1 ลบ.ม/นาที หรือ 1000 ลิตรต่อนาที 

วิธีคำนวน ปริมาณออกซิเจน O2 ที่ต้องการ ?

1.เพื่อลดค่า BOD และ COD.

หรือย่อยสลายสารอินทรีย์ทางชีวภาพ หรือ การบำบัดขั้นที่สอง ( Secondary treatment ) เช่น การลดค่า BOD หรือ bCOD ในน้ำเสียลงจากหน่วยการบำบัดนี้ครับ

จากสมการ

ในกรณีนี้เราไม่ได้ต้องการเติมอากาศในลงในน้ำเสียหรอกครับ แต่เราต้องการ ออกซิเจน ( O₂ ) เพื่อเปลี่ยนเป็น (DO : Dissolved Oxygen) ออกซิเจนละลายน้ำ  เพื่อใช้ในการเติบโตของ” แบคทีเรียที่ใช้อากาศในการหายใจ ”  ในน้ำเสีย

เพราะหาก แบคทีเรียเหล่านี้โต และ แข็งแรงพวกเค้าเหล่านี้จะเป็นกำลังหลัก ในการลด สารอินทรีย์ในน้ำเสียได้ครับ

โดยทั่วไป ในอากาศ ( Air ) จะมี ออกซิเจน O₂ อยู่ 21% ครับ และ อีก 79% คือ Nitrogen ไนโตรเจนครับ ดังนั้นการเติมอากาศ เข้าไป 1 หน่วย จริงๆ ได้ O₂ เพียง 1 ใน 5 ของจำนวนอากาศ ครับ 

เราลองมาดู หลักการการบำบัดน้ำเสียชีวภาพ แบบ ง่ายๆ ว่าเครื่องเติมอากาศอยู่ท่ีไหนกันครับ โดยแสดงตัวอย่างจาก Activated Sludge Process ( ASP ) อันโด่งดัง  กันครับ

การหาออกซิเจนเพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ทางชีวภาพคือ

R₀ :  ความต้องการออกซิเจนเพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ทางชีวภาพ g/d.

Q  : อัตราการไหลน้ำเสียเข้า m³/d.

S₀ : ความเข้มข้นของสารอาหารเข้า( ค่า bCOD )  g/m³ 

S  : ความเข้มข้นของสารอาหารออก  g/m³  

Pₓ : ปริมาณตะกอนส่วนเกินในแต่ละวัน ( ไม่ต้องการออกซิเจนแล้ว ) g VSS/d.

YH : ส่วนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการกินอาหารของ Heterotrophioc bacteria , ( 0.45 VSS/g bCOD )

fd : น้ำหนักส่วนที่เหลือของเซลล์ที่ตายแล้ว  g/g ( ปกติประมาณ 0.15 ) 

b(H,T) :อัตราการสลายน้ำหนักตัวของ Heterotrophic bacteria ต่ออุณหภูมิใดๆ ( 0.04 g/g.d หรือ d-1 ) 

2.เพื่อลดค่า TKN ครับ

ในกระบวนการนี้เค้าเรียกกันว่า ปฏิกิริยาไนตริฟิเคชั่น โดยการเปลี่ยน แอมโมเนีย และ ไนไตรท์ ให้เป็น ไนเตรท ครับ เมื่อมีแอมโมเนีย หรือ ไนไตรท์ ในน้ำเสียซึ่งค่าที่เรามักจะเห็นจากกฎหมายก็คือค่า TKN เกินครับ ดังนั้นหาก มีผลน้ำที่มีค่า TKN เกินกฎหมายมากๆ ต้องใช้อากาศ ( เติมออกซิเจน ) เพื่อลดค่า TKN ครับ 

การลด TKN นั้น ยากกว่าการลด BOD หรือ bCOD มากครับ เพราะ ต้องใช้ O2 มากกว่าถึง 4.57 เท่า

R₀ :  ความต้องการออกซิเจนเพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ทางชีวภาพ g/d.

Q  : อัตราการไหลน้ำเสียเข้า m³/d.

S₀ : ความเข้มข้นของสารอาหารเข้า( ค่า bCOD )  g/m³  

S  : ความเข้มข้นของสารอาหารออก  g/m³

Pₓ : ปริมาณตะกอนส่วนเกินในแต่ละวัน ( ไม่ต้องการออกซิเจนแล้ว ) g VSS/d.

NOₓ : ปริมาณการผลิต ( เกิด )  NO₃-N ที่ถูกเปลี่ยนจาก NH₄-N g/m³  

TKN₀ : ค่าความเข้มข้น TKN เข้า mg/L

Nₑ : ค่าความเข้มข้น NH₄-N ออก mg/L

หน่วยการบำบัด และ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเติมอากาศ คืออะไร ?

เราต้องเปลี่ยนสถานะจาก อากาศ และ ออกซิเจนในสถานะก๊าซ  ให้เป็นสถานะละลายน้ำ ( Dissolved Liquid form ) เพื่อทำให้ออกซิเจนละลายน้ำได้ ส่วนมากจะเกิดในหน่วยการบำบัดที่เรียกว่า ถังเติมอากาศ ( Aeration tank ) ครับ ที่ประกอบด้วย ถังหรือบ่อเติมอากาศ เครื่องเติมอากาศ ( Aerator ) และอาจจะมีตัวช่วยทำให้ก๊าซซึมผ่านและละลายในน้ำได้ดียิ่งขึ้นด้วย อุปกรณ์ช่วยเติมอากาศที่มีนรูพรุน อย่าง หัวกระจายอากาศ ( Diffused aeration ) 

เติมอากาศ หรือ ออกซิเจนเท่าไหร่ถึงจะพอสำหรับการบำบัด ? 

อย่างที่พูดไปเบื้องต้นครับว่า เราต้องการออกซิเจนละลายน้ำให้มากเพียงพอ เพื่อให้แบคที่เรียที่ใช้อากาศอยู่รอด และ มากพอที่จะเติบโต ในการบำบัดทางชีวภาพชนิดต่างๆ ครับ เช่น activated sludge, biological filtration , aerobic digestion ซึ่งในแต่ละชนิดต้องการจำนวนและปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ และอากาศ ต่างกัน

DO คือ Dissolved Oxygen ออกซิเจนละลายน้ำ

อากาศหรือ ออกซิเจนละลายน้ำ ( DO ) จะเพียงพอหรือไม่ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ อัตราการซึมผ่านของออกซิเจน ( Oxygen transfer rate : OTR ) ครับ เพราะการละลายออกซิเจนในน้ำนั้นจะมีค่าต่ำมากๆ ทำให้เติม อากาศ หรือออกซิเจน  ลงในน้ำเสียก็ยังไม่สามารถละลายน้ำทั้งหมดครับ  

เนื่องจากแบคทีเรียใช้ ออกซิเจนที่” ละลายน้ำ” ในการหายใจ เน้นครับ หากน้ำมีออกซิเจนแต่ไม่ละลายน้ำ แบคทีเรียก็หายใจไม่ได้อยู่ดีครับ 

ฉันก็อยากเติมใจทั้งใจ แต่เติมยังไงไม่เต็มหัวใจเธอ เอ้ย เติมอากาศไม่ค่อยพอครับ วิศวกรสิ่งแวดล้อมเลยต้องคำนวนปริมาณออกซิเจนที่ต้องการในระบบบำบัดน้ำเสีย และเลือกเครื่องเติมอากาศให้เพียงพอ และ ไม่มากจนเปลืองพลังงานเกินไปครับ 

การออกแบบระบบการเติมอากาศในระบบบำบัดน้ำเสียทำอย่างไร ?

การออกแบบระบบเติมอากาศ เริ่มจากการเลือกอุปกรณ์และ การควบคุมการเพิ่ม ออกซิเจนละลายน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อระบบการบำบัดทางชีวภาพ โดย ขั้นตอนที่ 1 คือวิศวกรสิ่งแวดล้อม ต้องหาเลยคือ ความต้องการอากาศในระบบบำบัดน้ำเสีย ( R₀ : Oxygen Requirement ) ครับ 


ซึ่งทางวิศวกรสิ่งแวดล้อมจะคำนวนตามทฤษฎี เพื่อให้ทราบถึงความต้องการอากาศที่แท้จริงในหน้างาน Actual Oxygen Requirement ( R₀ หรือ AOR )  ครับ โดยหน่วยของความต้องการอากาศ คือ kgO₂/วันครับ โดย การคำนวนเพื่อหา R₀ หรือ AOR ต้องทราบข้อมูลค่าการออกแบบตามนี้ครับ

  • อัตราการไหล ( Flows )  และ ภาระ ( Loads ) การออกแบบนั้นต้องคำนึงถึงอัตราการไหล และ ภาระ ของน้ำเสียที่ค่า เฉลี่ยและ สูงสุดครับ เพื่อ ให้การออกแบบค่า AOR สูงสุด ที่ถูกต้องมากขึ้น ค่าการออกแบบส่วนมากจะแนะนำให้ใช้ค่าความต้องการอากาศ ต่อ หนึ่งวัน ( 24 ชั่วโมง ) ของเดือนที่มี อัตราการไหล และ ภาระ ของน้ำเสียสูงสุดครับ 
  • ค่าความต้องการออกซิเจนของเพื่อกำจัดความต้องการอากาศชีวเคมี cBOD ( Carbonaceous Biochemical Oxygen Demand )  ค่าง่ายๆในการออกแบบ คือ 0.9-1.3 kgO₂ คือค่าความต้องการอากาศเพื่อลดปริมาณ cBOD ลงครับ 
  • ปริมาณการเติมอากาศต่อมวล cBOD ยังขึ้นกับ ระยะเวลาเฉลี่ยที่จุลินทรีย์ถูกกักเก็บใน ถังเติมอากาศ ( SRT : Solid Retention Time ), โดยหาก SRT มากต้องใช้ปริมาณออกซิเจนมากตามไปด้วยครับ  ( ถังเติมอากาศใหญ่ ต้อง ใช้เครื่องเติมอากาศใหญ่ตามไปด้วยครับ )

ปรับค่าให้ตรงตามอุณหภูมิและความดันบ้านเรา

ในการเลือกเครื่องเติมอากาศ ผู้ผลิตเครื่องเติมอากาศเลยใช้ระเบียบปฏิบัติในการทดสอบเครื่องเติมอากาศของตัวเองตามค่ามาตรฐาน ภายใต้สภาวะเหมือนๆกัน เพื่อให้ลูกค้าอย่างเราสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพเครื่องเติมอากาศ ได้ง่ายขึ้นครับ

โดยทดสอบที่ 

ค่าอุณหภูมิมาตรฐานที่ 20 องศาเซลเซียส

ค่าความดันมาตรฐานที่ 1 atm หรือ 101.325 kPa 

  1. ปรับแก้ค่า อัตราการซึมผ่านของออกซิเจน ( OTR ) ให้ตรงตามสถานที่ที่บำบัด

ปริมาณการเติมออกซิเจนที่คำนวนได้นั้น จะเป็นค่าที่ได้จากการเติมอากาศ

SOTR : อัตราการถ่ายเทออกซิเจนมาตรฐานที่หน้างาน , kg O₂/h

OTRf : อัตราการถ่ายเทออกซิเจนจริงที่หน้างาน , kg O₂/h


α = ค่าสัมประสิทธิอัตราการถ่ายเทในน้ำสะอาด
β ค่าสัมประสิทธิ ของออกซิเจนละลาย DO ที่อิ่มตัวในน้ำสะอาด ( 0.95-0.98 )
F ค่าแก้ไข ของการเกิดตะกรันของหัวกระจายอากาศ
C*st  ค่าการอิ่มตัว DO ณ ระดับน้ำทะเล และ อุณหภูมิของการทำงาน mg/L
C*s20  ค่าการอิ่มตัว DO ณ ระดับน้ำทะเล และ อุณหภูมิ 20 °C , mg/L
C*∞, st  ค่าการอิ่มตัว DO ณ ระดับน้ำทะเล และ อุณหภูมิ 20 °C สำหรับหัวกระจายอากาศ, mg/L

Pa มาตรฐานความดันอากาศที่ระดับน้ำทะเล ( 760 mm , 10.33 m ) 

Pb ค่าความดันอากาศที่หน้างาน ตามความสูงของจริง ,m 

Df ความลึกของหัวกระจายอากาศในถังเติมอากาศ , m

C ค่า DO ที่ต้องการควบคุมในถังเติมอากาศ mg/L

T อุณหภูมิของน้ำในถังเติมอากาศ °C

de ค่าแก้ไขสำหรับกลางถังเติมอากาศ 0.25-0.45(0.40)

เมื่อเราแก้ไขค่าต่างๆ แล้วจะได้ SOTR ออกมาเป็นค่า ความต้องการอากาศครับอย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องปรับค่าความดัน และ ความหนาแน่นของน้ำอีกที 

วิธีคำนวนอัตราการไหลของลม ที่ต้องการ ?

E คือ ค่าประสิทธิภาพการถ่ายเทออกซิเจนในน้ำ 

เราก็จะสามารถหาอัตราการไหลของอากาศ ( m3/min ) ที่เราต้องการในระบบบำบัดน้ำเสียได้แล้วครับ 

พอได้ค่า Air Flowrate มาแล้ว ก็สามารถเลือกเครื่องเติมอากาศ ได้แล้วครับ อย่างเช่น 

ตัวอย่าง 9 m3/min ที่ 4 เมตรน้ำ ( mmAQ )  เราสามารถเลือก Root blower 

ประสิทธิภาพเครื่องจักร 75% ควรเลือกที่ 9/0.75 = 12 m3/min 


ประสิทธิภาพเครื่องจักร 75% ควรเลือกที่ 9/0.75 = 12 m3/min

จากตารางให้เลือก Roots Blower รุ่น EVG-RB125  มอเตอร์อยู่ที่ 20 HP (15 kW ), 1050 rpm ครับ

เราลองมาเลือก Turbo Airblower กันบ้างครับ

ต้องการเปลี่ยนหน่วยจาก 4 mmAQ x 9.8 , 39.2 kPa. Airflow : 12 m3/min

เลือกรุ่น EVG-TB-40 , 15 HP ( 11kW )

เราลองมาเลือก Air Ejector กันบ้างครับ 

12 m3/min x 60 = 720 m3/h ลึก 4 เมตร  

จะเห็นได้ว่าเราต้องใช้ EVG-ET-15 ถึง 4 เครื่องถึงจะได้อากาศเพียงพอครับ ( 200×4 =800 m3/h )

แต่เราสามารถติดตั้งในบ่อเติมอากาศได้เลยครับ ไม่ต้องติดตั้งท่อ และ หัวกระจายอากาศ และ ไม่ต้องมีห้องเก็บเหมือน Roots blower หรือ Turbo Air blower ครับ ต้องลองเปรียบเทียบราคากันครับ

การคำนวณหาขนาดเครื่องเติมอากาศที่เหมาะสม

ในการเลือกซื้อเครื่องเติมอากาศ จำเป็นต้องคำนวณหาขนาดที่เหมาะสม กับปริมาณน้ำเสียที่ต้องการบำบัดครับ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณน้ำเสีย, ปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำ ( BOD, N ) , อุณหภูมิของน้ำ เป็นต้นครับ

เพื่อให้ได้เครื่องเติมอากาศที่มีขนาดและประสิทธิภาพเหมาะสมกับการใช้งานครับ ( หากคำนวณแล้วเครื่องเติมอากาศใหญ่เกินไป เปลืองไฟครับ หากคำนวณแล้วน้อยไปก็ไม่สามารถบำบัดน้ำได้ครับ )

ซึ่งจะช่วยให้ระบบบำบัดน้ำเสียทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานในการใช้งาน

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกเครื่องเติมอากาศ

เมื่อทราบขนาดเครื่องเติมอากาศที่เหมาะสมแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ในการเลือกซื้อเช่นเดียวกันครับ เช่น

  • ประสิทธิภาพการเติมอากาศ (Oxygen Transfer Rate)
  • คุณภาพและความทนทานของวัสดุ
  • ความสะดวกในการติดตั้งและบำรุงรักษา
  • ความประหยัดพลังงานในการใช้งาน
  • การรับประกันและการให้บริการหลังการขาย

การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เลือกซื้อเครื่องเติมอากาศที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความคุ้มค่าในเลือกซื้อครับ

สรุป

เครื่องเติมอากาศถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการบำบัดน้ำเสีย โดยช่วยเพิ่มออกซิเจน O2 ละลายในน้ำ เพื่อให้จุลินทรีย์ที่ใช้ในการบำบัดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคาของเครื่องเติมอากาศจะแตกต่างกันไปตามขนาดและประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรคำนวณหาขนาดที่เหมาะสม และพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ในการเลือกซื้อ เพื่อให้ได้เครื่องเติมอากาศที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

คำถามที่พบบ่อย

1. ขนาดเครื่องเติมอากาศขึ้นอยู่กับอะไร? ขนาดของเครื่องเติมอากาศขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำเสีย, ปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำ, และอุณหภูมิของน้ำ เป็นต้น ซึ่งต้องคำนวณหาขนาดที่เหมาะสม

2. เครื่องเติมอากาศมีราคาเท่าไหร่? ราคาของเครื่องเติมอากาศสำหรับบำบัดน้ำเสียจะอยู่ในช่วง 5,000 – 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและประสิทธิภาพของเครื่อง 3. ปัจจัยอะไรบ้างที่ควรพิจารณาในการเลือกเครื่องเติมอากาศ? ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพการเติมอากาศ, คุณภาพและความทนทานของวัสดุ, ความสะดวกในการติดตั้งและบำรุงรักษา, ความประหยัดพลังงาน และการรับประกันและการให้บริการหลังการขาย

HTML Snippets Powered By : XYZScripts.com